“ โอกาสมีมา ก็มีวันหมด ”
ซารีฮา บาโฮะ
ถ้าหากย้อนเวลากลับไปได้
เชื่อว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ยังอยากที่จะย้อนเวลากลับไปทำหรือแก้ไขสิ่งต่าง ๆ
ในอดีตที่เคยทำผิดพลาดมา
บางคนบ่นเสียดายโอกาสที่เข้ามา
แต่กลับไม่ได้ทำ บางคนร้องขอโอกาสอีกสักครั้งที่จะขอย้อนเวลากลับไปทำมันให้ดีขึ้นกว่าเดิม
แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดหรือความฝันเท่านั้น เพราะเวลาทุกนาที ทุกชั่วโมง
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรานั้น
มันจะเดินผ่านช่วงชีวิตของเราเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีใครที่จะสามารถยื้อเวลาหรือรื้อฟื้นเวลาที่ล่วงไปแล้วให้กลับคืนมาได้
เช่นเดียวกันกับฉันที่ทุกวันนี้ยังนึกเสียดายโอกาส และมักจะตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมนะ ?
คนเราถึงจะคิดได้เมื่อสายเกินไป ทำไมนะ ? คนเราถึงได้ปล่อยให้ตัวเองเผชิญหน้ากับความสูญ เสียซะก่อน ถึงจะหันมามองข้างหลัง ทำไมนะ
? ทำไม ? คำถามนี้ยังหวนอยู่ในความคิดของฉันอยู่เสมอ
นับตั้งวันที่ฉันและครอบครัวต้องสูญเสียผู้เป็นที่รักที่สุดในชีวิต เป็นผู้ที่มอบชีวิตให้ฉัน เป็นผู้ที่คอยดูแลฉัน และเป็นผู้ที่ทำให้ฉันเป็นฉันได้ในวันนี้ ท่านผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือแม่ของฉันเอง
ที่เล่ามาข้างต้นและจะเล่าต่อไปนี้นั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 ปีแล้ว
เวลานั้นฉันอายุประมาณ 15 ปี
วันที่ฉันและครอบครัวต้องประสบกับความสูญเสีย
กับการจากไปของผู้เป็นแม่ด้วยอาการป่วยของโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วมาก
ทั้งฉันและครอบครัวยังตั้งตัวไม่ทันที่จะยอมรับกับการสูญเสียในครั้งนั้น
และคงไม่มีใครที่อยากจะให้ความสูญเสียแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของคุณกับคนที่คุณรัก
แต่เราก็ไม่อาจที่จะฝืนโชคชะตาชีวิตให้เราต้องพบเจอสิ่งที่ไม่ปรารถนาเช่นนี้
แต่เมื่อสิ่งนี้มันเกิดขึ้นแล้วสิ่งเดียวที่ทำได้ คือ
การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นถึงแม้มันจะทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพียงใดก็ตาม
ตลอดระยะเวลา 15
ปี
ที่ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่
มันชั่งเป็นช่วงเวลาที่สั้นเหลือเกินสำหรับลูกคนนี้ ที่จะตอบแทนบุญคุณของผู้เป็นแม่ ฉันยังไม่เคยบอกรักแม่เลย ฉันยังไม่เคยได้หอมแก้มนวล ๆ
ของแม่เลยและฉันยังมีอะไรอีกมากมายที่จะทำให้แม่
แต่มันคงไม่มีแล้วซินะโอกาสสำหรับลูกคนนี้ที่จะทำอย่างที่ได้เคยคิดได้ฝันว่าสักวันหนึ่งคงได้บอกรักแม่ ได้หอมแก้มนวล ๆ ของแม่ และทำอะไรอีกมากมายให้แม่ เพราะ
ช่วงเวลาที่ฉันมีอยู่นั้นฉันมัวแต่คิดว่า
เออเดี๋ยวค่อยทำดีกว่า
ยังมีเวลาอีกเยอะ
ผัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อย
จนวันหนึ่งโอกาสนั้นได้จากฉันไป
ถึงแม้ฉันจะวอนขอมันสักแค่ไหนมันก็ไม่กลับมาเป็นอย่างเช่นเดิมอีกแล้ว แต่อย่างน้อยฉันก็ยังดีใจนะที่โอกาสมันก็มาเยือนฉันอีกครั้ง ถึงแม้มันจะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม โอกาสที่ฉันได้รับนั้นก็คือ ฉันได้กอดแม่
ถึงแม้จะไม่ได้รับการกอดกลับ
ฉันได้หอมแก้มนวล ๆ ของแม่
และได้บอกรักแม่
แต่โอกาสนั้นมันมาเมื่อทุกอย่างสายซะแล้ว
ก็ในเมื่อฉันได้แค่กอดแม่
หอมแก้มแม่ และบอกรักแม่ข้างหูเบา
ๆ ว่า
“ ลูกคนนี้รักแม่นะ ”
กับแค่ร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้น
วันนี้คุณได้ย้อนดูตัวเองแล้วหรือยังว่า
คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ความสุขของเรานั้น เราทำอะไรให้ท่านบ้างแล้วหรือยัง ? เพราะจากเรื่องเล่าข้างต้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกเสียดายโอกาสที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนเอง ซึ่งทุกวันนี้เราก็ได้เห็นความรักมากมายหลายรูปแบบ เราได้เห็นคนหลายคน ๆหมกมุ่นกับสิ่งที่จับต้องไม่ได้ในนามของ “ ความรัก ”
เราได้เห็นหลายคนเสียน้ำตา
เสียใจ เสียผู้เสียคน เพียงเพราะ
“ คนอื่นไม่รักตอบ ” และไม่เข้าใจว่าคนใกล้ตัวแบบพ่อแม่ ที่รักเรามาตั้งแต่เราลืมตาดูโลก และรักเราแบบไม่มีเงื่อนไขนั้น เราทำอะไรตอบแทนแล้วบ้าง ?
เมื่อโอกาสยังมีก็จงรีบทำซะ ก่อนที่มันจะสายเกินไป เพราะ โลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกสิ่งที่ไม่คาดคิดนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ คิดอะไรอยู่
อยากจะทำอะไรหรือบอกอะไรให้ใครรู้
ก็จงรีบทำแล้วคุณก็ไม่ต้องมาบ่นเสียดายโอกาสหรือโหยหาโอกาสเพื่อย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น